Building Hospital Sustainability through ESG Framework: Strategies for Long-Term Impact

0
654

Adoption of ESG in Healthcare

ESG ในภาคการดูแลสุขภาพ: แนวทางปฏิบัติสู่ความยั่งยืนสำหรับบุคลากรทางการแพทย์

ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับ ESG สำหรับบุคลากรทางการแพทย์

     ESG หรือ สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social, and Governance) เป็นกรอบการประเมินที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาระบบสุขภาพอย่างยั่งยืน ESG แตกต่างจาก CSR (Corporate Social Responsibility) โดย ESG มุ่งเน้นการวัดผลเชิงปริมาณที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพทางการเงิน ในขณะที่ CSR เน้นที่ผลกระทบในวงกว้าง และความรับผิดชอบต่อสังคม

     สำหรับโรงพยาบาล และองค์กรสุขภาพ ESG มีความสำคัญในการจัดการความเสี่ยง เช่น ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อสุขภาพของผู้ป่วย และการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ นอกจากนี้ การดำเนินการตามหลัก ESG ยังเปิดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับโครงการสีเขียว และการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ที่ยั่งยืน

องค์ประกอบของ ESG ที่สำคัญต่อการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์

มิติสิ่งแวดล้อม (Environmental)

  • การลดคาร์บอนในการให้บริการทางการแพทย์: การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในห้องผ่าตัด หอผู้ป่วย และพื้นที่ให้บริการ
  • การจัดการขยะทางการแพทย์: แนวทางการคัดแยกและกำจัดขยะติดเชื้อและขยะอันตราย
  • การลดการใช้วัสดุสิ้นเปลือง: การพิจารณาทางเลือกที่ยั่งยืนสำหรับอุปกรณ์การแพทย์แบบใช้ครั้งเดียว

มิติสังคม (Social)

  • การเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างเท่าเทียม: การพัฒนาโครงการที่ลดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพในชุมชน
  • การพัฒนาบุคลากร: การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและส่งเสริมความก้าวหน้าในวิชาชีพ
  • การสื่อสารกับผู้ป่วย: การพัฒนาระบบที่เคารพความเป็นส่วนตัวและเพิ่มประสบการณ์ที่ดีของผู้ป่วย

มิติธรรมาภิบาล (Governance)

  • ความโปร่งใสในการตัดสินใจทางคลินิก: การพัฒนาแนวทางปฏิบัติที่อิงหลักฐานเชิงประจักษ์
  • ความปลอดภัยของข้อมูลผู้ป่วย: การรักษาความลับและความปลอดภัยของข้อมูลสุขภาพ
  • การจัดการความเสี่ยงทางคลินิก: การพัฒนาระบบป้องกันความผิดพลาดทางการแพทย์และการเรียนรู้จากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์

แนวทางการนำ ESG มาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานทางการแพทย์

การนำ ESG มาใช้ในงานประจำวันของแพทย์ พยาบาล เภสัชกร และบุคลากรทางการแพทย์ทุกสาขา ควรดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้:

  1. เริ่มจากการประเมินสถานการณ์ปัจจุบัน
    • ทบทวนแนวทางปฏิบัติในหน่วยงานที่สอดคล้องกับหลัก ESG อยู่แล้ว
    • ระบุโอกาสในการพัฒนาที่มีผลกระทบสูงและดำเนินการได้จริง
  2. ใช้ข้อมูลที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
    • วิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่เพื่อระบุแนวโน้มและโอกาสในการปรับปรุง
    • เก็บข้อมูลเพิ่มเติมเฉพาะที่จำเป็นสำหรับการตัดสินใจ
  3. วางแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนและวัดผลได้
    • กำหนดเป้าหมายระยะสั้นที่ทีมสามารถบรรลุได้
    • ระบุผู้รับผิดชอบและกรอบเวลาที่ชัดเจน
  4. สร้างการมีส่วนร่วมในทีมและหน่วยงาน
    • สื่อสารประโยชน์ที่เกิดขึ้นต่อผู้ป่วย บุคลากร และระบบสุขภาพ
    • ยกย่องและให้การสนับสนุนผู้ที่มีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลง
  5. ติดตามและรายงานผลอย่างสม่ำเสมอ
    • วัดผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทั้งในด้านคลินิกและประสิทธิภาพการทำงาน
    • ใช้ข้อมูลในการปรับปรุงกระบวนการอย่างต่อเนื่อง

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ ESG สำหรับบุคลากรทางการแพทย์

สำหรับแพทย์:

  • การพิจารณาทางเลือกในการรักษาที่ลดการใช้ทรัพยากรแต่ยังคงประสิทธิผลทางคลินิก
  • การมีส่วนร่วมในการพัฒนาแนวทางเวชปฏิบัติที่คำนึงถึงต้นทุน-ประสิทธิผล
  • การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการให้คำปรึกษาทางไกลเพื่อลดการเดินทางของผู้ป่วย

สำหรับพยาบาล:

  • การทบทวนและปรับปรุงขั้นตอนการดูแลผู้ป่วยเพื่อลดการใช้วัสดุสิ้นเปลือง
  • การพัฒนาโปรแกรมให้ความรู้ด้านสุขภาพที่คำนึงถึงปัจจัยทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
  • การมีส่วนร่วมในคณะกรรมการความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากร

สำหรับเภสัชกร:

  • การทบทวนการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผลเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
  • การจัดการระบบคลังยาและเวชภัณฑ์เพื่อลดการหมดอายุและการสูญเสีย
  • การพัฒนาโครงการรับคืนยาที่ไม่ใช้แล้วเพื่อกำจัดอย่างเหมาะสม

ประโยชน์ที่บุคลากรทางการแพทย์จะได้รับจากการนำ ESG มาใช้

     การนำหลักการ ESG มาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานจะส่งผลดีต่อบุคลากรทางการแพทย์ ดังนี้:

  • ผลลัพธ์ทางคลินิกที่ดีขึ้น: การดูแลที่ครอบคลุมปัจจัยทางสังคมและสิ่งแวดล้อมส่งผลต่อผลลัพธ์ทางสุขภาพที่ดีขึ้น
  • ประสิทธิภาพในการทำงาน: การลดความสูญเสียและขั้นตอนที่ไม่จำเป็นช่วยลดภาระงานและเพิ่มความพึงพอใจในการทำงาน
  • ความก้าวหน้าในวิชาชีพ: การมีส่วนร่วมในโครงการ ESG เป็นโอกาสในการพัฒนาทักษะและความเชี่ยวชาญใหม่ๆ

ข้อแนะนำในการเริ่มต้น

     จากประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญในวงการ มีข้อแนะนำสำคัญสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องการเริ่มต้นนำ ESG มาใช้:

  1. เริ่มจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว: ใช้ข้อมูลและทรัพยากรที่มีอยู่แล้วในองค์กรเป็นจุดเริ่มต้น
  2. เน้นความเรียบง่าย: หลีกเลี่ยงการสร้างระบบที่ซับซ้อนเกินไป เลือกแนวทางที่ปฏิบัติได้จริง
  3. มุ่งเน้นที่ผลลัพธ์: ให้ความสำคัญกับการวัดผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงมากกว่าการวางแผนที่สมบูรณ์แบบ
  4. เรียนรู้จากผู้อื่น: ศึกษาจากองค์กรสุขภาพที่ประสบความสำเร็จในการนำ ESG มาใช้

     การนำหลักการ ESG มาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานประจำวันไม่เพียงแต่ช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนเท่านั้น แต่ยังมีส่วนสำคัญในการยกระดับคุณภาพการดูแลผู้ป่วยและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของบุคลากรทางการแพทย์อีกด้วย

สามารถอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่นี่

ดร.ภก.ทรงศักดิ์ ทองสนิท ผู้ถอดความ

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here