Build Well-Being Leader in Leading Organization Sustainability
สุขภาพกายใจที่ดี พร้อมด้วยเจตจำนงอันมุ่งมั่น ย่อมนำมาซึ่งผลงานที่ยอดเยี่ยม
Wellbeing people with strong sense of meaningful purpose will deliver outstanding performance
การปรับเปลี่ยนมิติมุมมองของชีวิตใหม่ การเห็นคุณค่าของตนเอง มีความรักความเข้าใจถึงพลังความคิด และจิตใจของตนเองทำให้เกิดพลังการใช้ชีวิตด้วยความสุข สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเองพร้อมที่จะแบ่งปัน ใช้ชีวิตที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรและสังคม
ถ้าเราได้เดินวันละ 10,000 ก้าวทุกวัน ก็จะเกิดการเคลื่อนไหวทำให้เกิดความแข็งแรงเหมือนคนในประเทศญี่ปุ่น ทุกคนในห้องประชุมควรเริ่มเปลี่ยนตัวเอง เข้าสู่สังคมการออกกำลังกาย อาจารย์เล่าว่าเพิ่งไปวิ่งที่โตเกียวมาราธอน มีคนมาวิ่งรวมกัน 30,000 ถึง 40,000 คน ไปเจอคนสำคัญคนหนึ่ง คือ คุณตูนบอดี้สแลมกับก้อย สิ่งที่คุณตูนทำคือชวนคุณก้อยวิ่งมาราธอน คุณตูนช่วยเราในด้านการแพทย์ แต่คำถามคือเราจะช่วยคุณตูนได้อย่างไร สิ่งที่ทำได้คือคนในห้องนี้เริ่ม ออกกำลังกายวันละอย่างน้อย 30 นาที เราจะมีซอฟต์แวร์ที่สำคัญแข็งแรงนั่นคือ พีเพิ่ลแวร์ และเราจะมีฮาร์ดแวร์ที่สมบูรณ์จากคุณตูน
“ถ้ามีเครื่องมือดีแต่คนของเราไม่แข็งแรง เครื่องมือไม่ได้นำไปใช้ ก็ไม่เกิดประโยชน์”
อาจารย์ได้ share เรื่องราวการเดินทางของคน 2-3 กลุ่ม ผ่าน timeline ที่ทำให้สังคมเกิด Collaboration กลายเป็น Well Being Community และเล่าประสบการณ์ บริษัทของอาจารย์ที่ตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาผู้นำ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเกิดเป็นวงจรพัฒนา 3 วง
วงที่หนึ่ง 7 ปีแรกใส่ความรู้ด้าน Mental มาก นำความรู้วิชาการจากเมืองนอกมาเรียนรู้
วงจรที่สอง เริ่มสงสัยว่าสมองอย่างเดียวไม่น่าพอเริ่มมีคำว่า EQ เข้ามาในการเรียน
วงจรที่สาม ผู้บริหารมี Mental ดี EQ ดี แต่เมื่อเข้าประชุม เส้นโลหิตในสมองแตก หัวใจวาย
จึงกลับมามองด้านร่างกายWell being มีความสำคัญจริงๆ ถ้าผู้บริหารมีความคิดดีความฝันดีมีเมตตาแต่ร่างกายไม่แข็งแรงกิจการงานต่างๆก็ไม่มีการพัฒนา ทำให้เกิดความสนใจที่จะพัฒนาร่างกายจิตใจสมองและจิตวิญญาณ
ระยะหลังจะพบว่าผู้บริหารยิ่งมีตำแหน่งสูงโรคก็มีมากขึ้นตามตำแหน่ง ในการพัฒนา Well being จึงควรมี Mental สมองดี Emotional หัวใจดี มี Physical ที่แข็งแรง มีจิตวิญญาณที่อยากเป็นผู้ให้ คนที่อยู่โอกินาวา ทำไมถึงอายุยืนพบว่าเค้ามีหัวใจ เล็ก ๆ ที่เป็นผู้ให้แก่สังคมในกลุ่มมี Meaningful purpose มีหัวใจที่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไม
ในยุคนี้เป็นสังคมผู้สูงอายุจึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจในการมีชีวิตอยู่ของผู้สูงอายุให้อยู่อย่างมีความสุข
ยกตัวอย่างคุณศรัณย์หรือคุณหนึ่ง เพิ่งออกรายการเจาะใจเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเจ้าของโรงแรม S 31 ถนนสุขุมวิท อาจารย์กับคุณหนึ่งไปวิ่งโตเกียวมาราธอนด้วยกัน หลายคนคิดว่าคนไปวิ่งโตเกียวมาราธอนต้องเป็นคนที่แข็งแรง คุณหนึ่งเล่าว่าเมื่อเจ็ดปีก่อนคุณหนึ่งป่วยเป็นมะเร็ง ที่ขั้วปอดไม่มีแรง เป็นตัวอย่างของคนที่อ่อนแอที่สุดปัจจุบันเป็นคนที่ เท่ห์มากในวงการนักวิ่งเป็นคนที่อยู่แนวหน้าของสังคมนักวิ่งมาราธอน
คุณหนึ่งบอกว่าการวิ่งเป็นธรรมชาติของคุณหนึ่ง ฉะนั้นการวิ่งมาราธอนก็ถือเป็นเรื่องปกติ การวิ่งจะเป็นการหาจุดที่เราหยุดนิ่ง รู้จักตัวเอง รู้จักการบริหาร optimal stress ความกดดันที่ทำให้เกิดภูมิต้านทาน การเป็นมะเร็งเกิดจากความเครียดเรื้อรังที่ค่อยๆคลืบคลานมาในร่างกายเรา คุณหนึ่งเริ่มฝึกฝน Optimal Stress ด้วยการเพิ่มความทนทาน วิ่งเร็วแล้วช้า เป็น interval ทำให้ หัวใจแข็งแรงขึ้น ภูมิต้านทานดีขึ้น ซึ่งการบริหารในการสร้าง leader ใช้หลักการนี้ เป็นการสร้างผู้นำให้ทนต่อความกดดันเพื่อก้าวสู่ระดับสูงต่อไป เพราะถ้าทนต่อความกดดันไม่ได้จะเกิดความเครียดและตัดสินใจผิดพลาดได้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องจัดการกับ optimal stressให้ได้
การวิ่งมาราธอนของคุณหนึ่ง ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีการหลั่งเอนดอร์ฟินตลอดเวลา เสริมสร้างกล้ามเนื้อ ซึ่งก่อนที่จะวิ่งมาราธอน เคยผ่านการวิ่งสัปดาห์ละ 1วัน แต่ก็เป็นมะเร็ง เพราะไม่ได้ฝึกฝนให้ balanceกับตัวเอง ซึ่งในการออกกำลังกายจะมีสัญญาณที่ส่งมาเตือนตัวเราว่า มีการตึงการเครียดหรือไม่ เรียกสัญญาณนี้ว่า Body intelligence ดังนั้นคนที่บอกได้ดีที่สุดคือตัวเราว่าควรจะวิ่งมากน้อยแค่ไหน และต้องมี balancing ในการออกกำลังกาย อาหารเป็นสิ่งสำคัญต้องรับประทานอาหารที่ซ่อมแซมกล้ามเนื้อเส้นเอ็น ตอนที่เป็นมะเร็งคุณหนึ่งรับประทานอาหารตามใจชอบไม่เคยนึกถึงสารอาหาร แต่ในปัจจุบันมีสติในการเลือกอาหารที่รับประทานและจัดสรรเวลาพักผ่อน ทำให้ร่างกายมีความแข็งแรงกว่าเดิม จากคนที่เคยวิ่งตามคุณลุงในสวนลุมพินี ไม่ไหว กลายเป็นแนวหน้าของนักวิ่งในเมืองไทย
Self-mastery คือ การกลับมารักตัวเอง บางคนรักตัวเองไม่เป็น รับประทานอย่างเดียว คิดว่าอิ่มคือการรักตัวเอง เราควรมีเวลาให้กับการออกกำลังกาย คนส่วนใหญ่มักบอกว่าไม่มีเวลา คุณหนึ่งตอนเป็นมะเร็งเปิดโรงแรม 1แห่ง ตอนนี้ไปวิ่งมาราธอนเปิดโรงแรม 6 แห่ง แต่ชีวิตมีความสุขมากกว่าเดิม ถ้าเรากลับมาให้ความสนใจกับตนเอง จัดการตัวเองได้ ย่อมทำให้มีเวลา
ด้าน Team learning ก็มีส่วนสำคัญ คนรอบข้างชอบอะไร สนใจเรื่องใด การรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนช่วยเป็นแรงผลักที่ดี อาจารย์ได้นำแนวคิดของคุณหนึ่งมาจัดทำโปรแกรม โดยให้คุณหนึ่งเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงความเชื่อ ถ้าคุณหนึ่งทำได้คนอื่นๆ ก็น่าจะทำได้เพราะเป็นมนุษย์เหมือนกัน ในโปรแกรม จะพาไปที่ไร่ใจยิ้ม สร้างบรรยากาศ comfort zone มีพื้นที่สำหรับการออกกำลัง ระยะแรกพาเดิน 2 กิโลเมตร เดินคุยกันไปเรื่อยๆ ต่อมาสร้างความเชื่อใหม่ new believe ถ้าเดินได้ มากกว่า 2 กิโลเมตร ร่างกายจะแข็งแรงขึ้น หรือ Brave heart กิจกรรมที่น่าสนใจคือการพาไปปีนหน้าผา (เปิด VDO ไร่ใจยิ้ม)
ดาวน์โหลดที่นี่…ฟรี Build Well-Being Leader in Leading Organization Sustainability
ถอดบทเรียน พัชรีย์ ยิ้มขาวผ่อง
ตำแหน่ง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ (งานอุบัติเหตุและฉุกเฉิน) โรงพยาบาลสระบุรี
Photo by Martin Reisch on Unsplash