ทำคอนเทนต์บนโซเชียลอย่างไรให้ปลอดภัย ไม่ผิดกฎ

0
14
ความแตกต่างระหว่างการตรวจสอบเนื้อหาออนไลน์ และออฟไลน์: สิ่งที่นักสร้าง Content ต้องรู้

การตรวจสอบเนื้อหา: ออฟไลน์ vs ออนไลน์

ในยุคดิจิทัล การเผยแพร่เนื้อหา (Content) มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างสื่อออฟไลน์ และออนไลน์

  • สื่อออฟไลน์ (เช่น โทรทัศน์, หนังสือพิมพ์) ต้องผ่านการตรวจสอบเนื้อหาก่อนเผยแพร่ (Pre-censor) อย่างละเอียด ตั้งแต่แนวคิดไปจนถึงชิ้นงานสำเร็จ หากผ่านการอนุมัติแล้วก็สามารถเผยแพร่ได้
  • สื่อออนไลน์ ส่วนใหญ่เผยแพร่เนื้อหาก่อน สามารถเผยแพร่เนื้อหาได้ทันที แต่มีโอกาสถูกตรวจสอบ และระงับ ลบ หรือถูกจำกัดการเข้าถึงภายหลัง หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของแพลตฟอร์ม

ความท้าทายของการสร้าง Content ออนไลน์

นักสร้าง Content ออนไลน์ต้องรับมือกับปัจจัยหลายอย่างที่อาจส่งผลต่อการเผยแพร่เนื้อหา ได้แก่

  1. กฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่ละแพลตฟอร์มมีนโยบายที่อัปเดตอยู่เสมอ และอาจมีรายละเอียดที่ซับซ้อน
  2. ความเสี่ยงที่ไม่คาดคิด บางครั้งเนื้อหาที่คิดว่าเหมาะสมแล้ว แต่ก็ยังมีโอกาสถูกระงับ หรือ ลดการมองเห็น

ความขัดแย้งระหว่างกฎเกณฑ์ของช่องทางสื่อ และเป้าหมายการสื่อสารเพื่อสังคม: กรณีศึกษาของสื่อจาก สสส. พบว่า กฎเกณฑ์และเงื่อนไขของแต่ละแพลตฟอร์มออนไลน์อาจไม่สอดคล้องกับเป้าหมายการสื่อสารเพื่อสังคมบางอย่าง เช่น การสื่อสารเรื่องความรุนแรงจากอุบัติเหตุรถชน หากไม่มีภาพรถชน อาจทำให้คนไม่รู้สึกกลัว ซึ่งขัดกับเป้าหมายของ สสส. ที่ต้องการกระตุ้นให้เกิดความตระหนัก และป้องกันอุบัติเหตุ

  1. กฎที่แตกต่างกันในแต่ละแพลตฟอร์ม เช่น TikTok มีมาตรการคัดกรองเนื้อหาที่เข้มงวดกว่า Facebook หรือ YouTube ทำให้ Content บางประเภทที่เผยแพร่ได้บนแพลตฟอร์มหนึ่ง อาจถูกระงับบนอีกแพลตฟอร์ม

ตัวอย่างเนื้อหาที่อาจถูกระงับบนแพลตฟอร์มออนไลน์ (โดยเฉพาะ TikTok)

  • เสียงที่น่าตกใจ คลิปวิดีโอที่มีเสียงดังจนสร้างความตกใจประกอบในภาพความเสียหายจากอุบัติเหตุ
  • ภาพที่ชวนหวาดกลัว แม้ไม่ใช่ภาพศพหรือความรุนแรงโดยตรง แต่หากสร้างความตกใจ หรือ ดูน่ากลัว ก็อาจถูกระงับ เช่น มีภาพ “ซอมบี้” ปรากฏอยู่ตั้งแต่ภาพแรก ถูกระบุว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เนื้อหาถูกระงับบน TikTok เนื่องจากเป็น “ภาพศพ” ที่มีความน่ากลัว
  • เนื้อหาละเอียดอ่อน (Sensitive Content) เช่น การพยายามฆ่าตัวตาย การพูดถึงเรื่องการฆ่าตัวตาย แม้ไม่มีภาพโดยตรงก็อาจถูกจำกัดการเข้าถึง
  • ภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสม การเน้นสัดส่วนร่างกายมากเกินไป แม้จะไม่ใช่ภาพโป๊เปลือย เหตุผลที่ไม่ผ่านการอนุมัติไม่ได้มาจากการแสดงเนื้อหาล่อแหลมโดยตรง แต่มาจากการที่เนื้อหาพุ่งเป้าไปที่ส่วนที่ละเอียดอ่อนของร่างกาย เช่น หน้าอก
  • การเปรียบเทียบผลลัพธ์ใช้ภาพก่อน และหลัง (Before / After) หลักปฏิบัติที่ดีที่สุดเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการโฆษณาของ Meta (Facebook และ Instagram) มีนโยบายที่ชัดเจนในการห้ามโพสต์ภาพ before and after สำหรับการโฆษณา แม้ว่าจะเป็นวิดีโอที่มีภาพ before and after ปรากฏคู่กัน ก็ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะถูกไม่อนุมัติ สำหรับ Line Ads เป็นแพลตฟอร์มเดียวที่ได้รับการกล่าวถึงว่า ณ ปัจจุบัน อนุญาตให้ใช้ภาพ before and after สำหรับการโฆษณาได้ อย่างไรก็ตาม อาจมีวิธีการหลีกเลี่ยงโดยอ้อม เช่น การโพสต์ภาพ “after” ในช่องแสดงความคิดเห็นแทนที่จะอยู่ในเนื้อหาหลักของโพสต์

อย่างไรก็ตาม เกณฑ์การพิจารณาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละแพลตฟอร์มและขึ้นอยู่กับบริบทของเนื้อหาโดยรวม

 ระดับของการไม่อนุมัติเนื้อหา (Disapproved content)

แพลตฟอร์มต่างๆ มีระดับการจัดการกับเนื้อหาที่ไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกัน

🞅 ไม่อนุมัติการซื้อโฆษณา (Disapproved Ad Content): ไม่สามารถซื้อโฆษณา จาก VDO / Content นั้นๆ แต่สามารถเผยแพร่ และรับชม VDO ในช่องทางตามปกติได้

🞅 เนื้อหาที่ละเอียดอ่อน (Sensitive Content): VDO ชิ้นนั้นอาจมีความอ่อนไหว จึงมีการเตือน Sensitive Content ก่อนรับชม และสามารถรับชม VDO ได้ตามปกติ รวมถึงสามารถซื้อโฆษณาจาก VDO นั้นได้ แต่จะมีคำเตือนให้ผู้รับชมพิจารณาเอง เช่น การจำกัดอายุผู้รับชม ยกเว้นถ้าผิด policy

🞅 ลบเนื้อหา (Remove Content): ไม่อนุญาตให้เผยแพร่ VDO ได้ในช่องทาง และไม่สามารถรับชมได้ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อโฆษณาหรือโพสต์ทั่วไป

วิธีป้องกันการถูกระงับเนื้อหา

  • ศึกษากฎของแต่ละแพลตฟอร์ม ศึกษาทำความเข้าใจนโยบาย และกฎเกณฑ์ของแต่ละแพลตฟอร์มอย่างละเอียดก่อนเผยแพร่
  • ทดลอง และเรียนรู้จากข้อผิดพลาด เพื่อปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม รวมถึงปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎของ โซเชียล และกฎของแพลตฟอร์ม
  • ปฏิบัติตามกฎหมายไทยที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติการพนัน หากมีการจัดกิจกรรมแจกของรางวัล
  • หลีกเลี่ยง Engagement Bait (การล่อให้มีส่วนร่วม)

🗴 การล่อให้แสดงความรู้สึก

🗴 การล่อให้แสดงความคิดเห็น

🗴 การล่อให้แชร์

🗴 การล่อให้แท็ก

ลักษณะที่เข้าข่ายการล่อให้มีส่วนร่วม เช่น การบังคับให้ผู้ชมมีส่วนร่วมโดยกดไลก์ แชร์ หรือคอมเมนต์เพื่อแลกกับสิ่งตอบแทน

  • ใช้ Brand Asset อย่างถูกต้อง (โลโก้ และองค์ประกอบแบรนด์ของแพลตฟอร์ม) คอนเทนต์ที่เป็นการโฆษณาต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎ และเป็นปัจจุบันของแต่ละแพลตฟอร์ม ทั้งสี และรูปแบบ ตามข้อกำหนดของแต่ละแพลตฟอร์ม หากฝ่าฝืนอาจโดนฟ้องร้องเรื่อง brand safety รวมถึงห้ามใช้คำย่อ FB หรือ Ig ต้องใช้คำลักษณะ “Facebook” หรือ “Instagram”ห้าม เปลี่ยนสีของโลโก้

โลโก้ที่ถูกต้อง เช่น

สามารถเข้าดูเพิ่มเติมได้ที่ https://about.meta.com/brand/resources/

  • ระมัดระวังการใช้อิโมจิ กรณีต้องการสร้างคอนเทนต์ในแพลตฟอร์มขององค์กร การใช้อิโมจิเพื่อดึงดูดความสนใจ เจ้าของแพลตฟอร์มบางรายไม่อนุญาต เนื่องจากอิโมจิบางรูปถูกนำไปใช้สื่อความหมายเกี่ยวกับการพนัน หรือ การชักชวนการพนัน ดังนั้นต้องใช้อย่างระมัดระวังบน Facebook/Instagram
    • การใช้อิโมจิควรมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมให้คำบรรยาย (caption) น่าสนใจยิ่งขึ้น ไม่ควรใช้อิโมจิเป็นหลักในการดึงดูดความสนใจแทนเนื้อหา
    • อิโมจิบางประเภทถือว่ามีความเสี่ยง เช่น รูปไฟ รูประเบิด💣 ประทัด🧨กากบาท❌ ตกใจ❗หรือ สัญลักษณ์สีแดง💥เนื่องจากอาจถูกมองว่าเป็นการสร้างความตื่นตระหนกหรือพยายามเรียกร้องความสนใจมากเกินไป
    • Meta Pro (ผู้เชี่ยวชาญจาก Meta) ได้แจ้งเตือนถึง อิโมจิ 3 ประเภทที่ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ

รูปหัวใจ (❤️): หากใช้มากเกินไปหรือไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรู้สึก จิตใจ หรือหัวใจ อาจมีปัญหา

รูประเบิดหรือพลุ (🎉): ควรใช้กับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการเท่านั้น เช่น โปรโมชั่น ไม่ควรใช้กับการบรรยายทั่วไป

รูปรวด (🚀): เหมาะสำหรับใช้กับข้อความที่สื่อถึงการพัฒนาหรือความก้าวหน้าเท่านั้น หากใช้กับเนื้อหาอื่นอาจมีปัญหา

  • คำนึงถึงบริบททางสังคม และจริยธรรม นอกเหนือจากข้อกฎหมาย มีการยกตัวอย่างกรณีการทำเนื้อหาเกี่ยวกับการล้างมือ ซึ่งเดิมเน้นการใช้แอลกอฮอล์ หรือสบู่ แต่เมื่อพิจารณาถึงพฤติกรรมการจกข้าวเหนียวของคนภาคอีสาน ก็เกิดข้อถกเถียงว่าการหากมีการแนะนำให้เปลี่ยนไปใช้ช้อนส้อม อาจเป็นการไม่เข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่น และอาจก่อให้เกิดผลกระทบทางสังคมในเชิงลบได้ แม้ว่าเนื้อหาด้านสุขอนามัยจะถูกต้องก็ตาม กรณีนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการพิจารณาบริบททางวัฒนธรรมและผลกระทบต่อสังคมในการสื่อสาร

กลยุทธ์สร้าง Content ให้ปัง และปลอดภัย

  • กระจายเนื้อหาไปยังหลายแพลตฟอร์ม อย่าพึ่งพาแพลตฟอร์มเดียวมากเกินไป
  • สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพควบคู่ไปกับปริมาณ เพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงผู้ชม
  • พิจารณาอย่างรอบคอบก่อนโพสต์ อาจให้ทีมงานช่วยตรวจสอบก่อนเผยแพร่
  • รักษาภาพลักษณ์ส่วนตัวและองค์กร โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในเครื่องแบบ
  • หาก Content ถูกระงับ อย่าท้อแท้ ศึกษาสาเหตุและนำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น

 

ข้อคิดจากวิทยากรศิริพงศ์ เตียวพิพิธพร

“วันนี้โพสต์ผิดกฎแล้ว ไม่โดนแบน ไม่ได้แปลว่าโชคดี….แค่โชคร้ายยังมาไม่ถึง นึกหน้าคุณในวันที่โดนแบน” 

บทสรุป:

การสร้าง Content ออนไลน์ในยุคปัจจุบันเต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งกฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความเสี่ยงที่ไม่คาดคิด และข้อจำกัดของแต่ละแพลตฟอร์ม นักสร้าง Content จึงต้องติดตามข่าวสาร ปรับตัวให้ทัน และวางแผนการเผยแพร่อย่างรอบคอบ เพื่อให้เนื้อหาของตนสามารถเข้าถึงผู้ชมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากการถูกระงับ และสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในโลกออนไลน์ที่มีการแข่งขันสูง

ผู้ถอดบทความ ดร.ภญ.วรรณา ตั้งภักดีรัตน์

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here