ในปี ค.ศ. 2019 สมัชชาอนามัยโลกครั้งที่ 72 ได้ให้คำมั่นสัญญาเรื่องความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นมาตรการระดับโลก (Global Action on Patient Safety) และได้จัดตั้งวันความปลอดภัยของผู้ป่วยโลก (World Patient Safety Day) ในวันที่ 17 กันยายนของทุกปี โดยในแต่ละปีองค์การอนามัยโลกจะมีประเด็นสำคัญในการผลักดัน เช่น ในปี 2020 คือ “Safe health workers, Safe patients”
ในมาตรการระดับโลกเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนด 7 เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ (7 Strategic Objectives) เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานสู่ความปลอดภัยของผู้ป่วยระดับโลก ดังนี้
- นโยบายเพื่อกำจัดความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงได้ (Policies to Eliminate Avoidable Harm in Health Care)
- ระบบที่มีความน่าเชื่อถือสูง (High-reliability Systems)
- ความปลอดภัยในกระบวนการดูแลรักษา (Safety of Clinical Processes)
- การมีส่วนร่วมของผู้ป่วยและครอบครัว (Patient and Family Engagement)
- ความสามารถ การศึกษา และความปลอดภัยของบุคลากรสาธารณสุข (Health Worker Education, Skills, and Safety)
- ข้อมูลสารสนเทศ การวิจัย และการบริหารความเสี่ยง (Information, Research, and Risk Management)
- การทำงานร่วมกัน ภาคีเครือข่าย และความสามัคคี (Synergy, Partnership, and Solidarity)
จากเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ทั้ง 7 ด้านนี้ จะเห็นได้ว่าความปลอดภัยของผู้ป่วยไม่ใช่เรื่องของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่เป็นประเด็นในระดับประเทศและระดับโลกที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ตั้งแต่ผู้กำหนดนโยบาย ผู้ปฏิบัติตามนโยบาย บุคลากรทางการแพทย์แนวหน้า ตลอดจนผู้ป่วยและญาติ
แต่ละเป้าหมายเชิงกลยุทธ์มีกลยุทธ์ย่อยอีก 5 กลยุทธ์ สามารถศึกษารายละเอียดได้จากหนังสือ Global Patient Safety Action Plan 2021-2030 (https://www.who.int/teams/integrated-health-services/patient-safety/policy/global-patient-safety-action-plan)
ประเด็นที่น่าสนใจในการนำกลยุทธ์ของ WHO ไปใช้ในบริบทของสิงคโปร์ ได้แก่ การศึกษา การสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน สำหรับประเทศไทย ทั้ง 3 ประเด็นยังมีความท้าทายมากเนื่องจากความแตกต่างด้านบริบททางสังคม อย่างไรก็ตาม นับว่าประเทศไทยมีพัฒนาการที่ดี จากการปรับตัวจาก 2P Safety (Patient, Personnel) สู่ 3P Safety (Patient, Personnel, People) จึงน่าสนใจว่า เส้นทางสู่ความปลอดภัยของผู้ป่วยในประเทศไทยจะก้าวหน้าไปอย่างไรในอนาคตจนถึงปี 2030
สุดท้ายนี้ ขอให้ระลึกไว้ว่า เราไม่ได้เดินทางไปคนเดียว แต่ต้องร่วมเดินทางไปกับบุคลากร ผู้ป่วย ประชาชน ภาครัฐ ผู้กำหนดนโยบาย รวมถึงประเทศอื่น ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายความปลอดภัยของผู้ป่วยและการบริการที่มีคุณภาพ
นศพ.พีรภาส สุขกระสานติ ผู้ถอดความ