ในการบริหารความเสี่ยงของโรงพยาบาล ขั้นตอนสำคัญขั้นตอนหนึ่งที่ต้องจัดทำ คือ การจัดลำดับความสำคัญของความเสี่ยง โดยใช้โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ และผลกระทบที่จะเกิดขึ้น มาทำเป็นตารางในลักษณะ matrix เพื่อกำหนดว่าความเสี่ยงใดที่มีความสำคัญที่ต้องบริหารจัดการเป็นลำดับต้นๆ
ในสงครามโลกครั้งที่สองและสงครามเวียดนาม มีเครื่องมือตัวหนึ่งชื่อ CARVER ที่กองทัพใช้ในการวิเคราะห์ว่า ระบบงานใดของฝ่ายตรงข้ามที่ถ้าถูกโจมตีแล้วจะเกิดผลกระทบกับฝ่ายตรงข้ามมาก จะได้เลือกเป้าโจมตีที่คุ้มค่าที่สุด ในทางกลับกัน ถ้าเป็นฝ่ายตั้งรับ ก็ใช้ CARVER ในการวิเคราะห์ว่า ถ้ามีทรัพยากรอันจำกัด จะเลือกป้องกันระบบงานใดจึงจะดีที่สุด CARVER เป็นคำย่อของ
Criticality ระบบงานนี้มีความจำเป็นมากแค่ไหนต่อการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องของหน่วยงาน
Accessibility ระบบงานนี้ง่ายต่อการถูกรบกวนหรือโจมตี มากน้อยแค่ไหน
Recoverability การฟื้นฟูให้ระบบงานนี้กลับมาทำงานได้ปกติ ยากง่ายเพียงไร
Vulnerability ระบบงานนี้มีความทนต่อการถูกรบกวนหรือโจมตี มากน้อยเพียงไร
Effect ผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ที่จะเกิดขึ้น ถ้าระบบงานนี้ไม่สามารถทำงานได้
Recognizability โอกาสที่ระบบงานนี้จะได้รับความสนใจจากผู้รบกวนหรือผู้โจมตี
คะแนนที่ให้ในแต่ละด้าน คือ 5 มีผลสูงสุด และ 1 มีผลต่ำสุด CARVER อาจนำมาประยุกต์ใช้กับโรงพยาบาลได้ ตัวอย่างเช่น มีระบบงานสำคัญของโรงพยาบาลอยู่ 3 ระบบ ที่อาจถูกรบกวนหรือโจมตี ซึ่งเมื่อวิเคราะห์ด้วย CARVER แล้ว พบว่า การลงทุนป้องกันความเสี่ยงด้านระบบสารสนเทศคุ้มค่าที่สุด
ระบบงาน
C
A
R
V
E
R
รวม
สารสนเทศ
4
4
3
4
3
5
23
ระบบไฟฟ้า
4
2
3
2
4
3
18
ระบบออกซิเจน
3
2
3
2
4
2
16
Photo by Markus Spiske on Unsplash
การประชุม Seventh Meeting on Health-Care Quality Improvement in the Asia-Pacific Region วันที่ 10 – 11 ธันวาคม 2561 ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ มีสาระสำคัญ คือ การสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (Universal Health Coverage – UHC) ต้องมีคุณภาพเป็นเป้าหมายสำคัญ
ในช่วงที่ผ่านมา การดำเนินงานด้าน UHC จะเน้นอยู่ที่การสร้างหลักประกันสุขภาพที่ครอบคลุมประชากรทั้งหมด ภายใต้ชุดสิทธิประโยชน์ที่เหมาะสม และภายใต้ต้นทุนที่สามารถบริหารจัดการได้ แต่ในช่วงถัดจากนี้ไป การดำเนินงานด้าน UHC จะเน้นเรื่องคุณภาพของระบบบริการ เพราะคุณภาพเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากของ UHC ถ้าระบบบริการสุขภาพไม่มีคุณภาพแล้ว ถึงประชาชนจะมีสิทธิเข้าถึง แต่ก็คงไม่มีใครอยากไปใช้บริการ
“คุณภาพ” มีความหมายได้หลากหลายมิติ แต่ในการประชุมครั้งนี้ ได้แบ่งมิติของคุณภาพ เป็นด้านประสิทธิผล, ความปลอดภัย, ผู้คนเป็นศูนย์กลางของการจัดบริการ, ให้บริการได้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม, สร้างความเท่าเทียม, มีการบูรณาการ และมีประสิทธิภาพ
ข้อแนะนำขององค์การอนามัยโลก คือ การสร้างคุณภาพในระบบบริการสุขภาพ จำเป็นต้องมีการขับเคลื่อนโดยการกำหนดเป็นนโยบายและยุทธศาสตร์ระดับชาติ มีการจัดสรรทรัพยากรอย่างเหมาะสม และมีการพัฒนาเครื่องมือที่ช่วยในการพัฒนาคุณภาพ
องค์ประกอบ 8...
ในมาตรฐานฉบับใหม่ได้มีการปรับปรุงรายละเอียดของการจัดการความปวดให้ชัดเจนมากขึ้น กล่าวคือ
- ทีมดูแลผู้ป่วยควรมีการคัดกรองและประเมินความปวดอย่างครอบคลุม ทั้งความปวดเฉียบพลันและความปวดเรื้อรัง ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
- ผู้ป่วยได้มีโอกาสที่จะรับรู้ถึงความปวดที่จะเกิดขึ้นจากการดูแลรักษา การทำหัตถการ หรือการตรวจพิเศษ และได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเลือกวิธีการจัดการความปวดที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการจัดการความปวด เช่น การคลอด ซึ่งอาจเลือกใช้การคลอดทางช่องคลอด การผ่าตัดคลอดโดยการดมยา หรือการผ่าตัดคลอดโดยการให้ยาชาเข้าทางไขสันหลัง ผู้ป่วยควรรู้ว่าความปวดของแต่ละวิธีการรักษาจะมีมากขนาดไหน จะมีวิธีจัดการความปวดได้อย่างไร และผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นจากการให้ยาแก้ปวดจะมีอะไรบ้าง
Photo by Jesper Aggergaard on Unsplash
ในมาตรฐานฉบับใหม่ มีการเพิ่มเติมในประเด็น
- ควรมีการประเมินความชอบส่วนบุคคล ทั้งนี้ เพื่อให้ทีมงานสามารถจัดบริการได้อย่างสอดคล้องกับความต้องการของผู้ป่วย การตอบสนองความชอบส่วนบุคคลมักจะทำให้ผู้ป่วยผ่อนคลายกับบรรยากาศที่ต้องมาอยู่ในโรงพยาบาลมากขึ้น ตัวอย่างความชอบส่วนบุคคล เช่น การเรียกคำแทนตัวผู้ป่วย เสื้อผ้า อาหารเครื่องดื่ม มื้ออาหาร การให้คนเข้าเยี่ยม แต่เรื่องนี้ ไม่ได้คาดหวังว่าโรงพยาบาลจะต้องไปสร้างแบบฟอร์มใหม่ ให้เป็นภาระของเจ้าหน้าที่ในการกรอกข้อมูล แต่มุ่งหวังให้เจ้าหน้าที่มีความไวมากขึ้นในการรับรู้ความต้องการของผู้ป่วย
- การให้ความสำคัญกับการลดความผิดพลาด/ ความล่าช้า ในการวินิจฉัยโรค เนื่องจากประเด็นนี้กระทบต่อความปลอดภัยของผู้ป่วย และยังเป็นปัญหาสำคัญของโรงพยาบาล คลินิก และงานบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยควรมีการทบทวนเหตุการณ์ความผิดพลาด/ ความล่าช้า ในการวินิจฉัยโรค โดยทีมงานที่ประเมินผู้ป่วยร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาโอกาสในการพัฒนากระบวนการประเมินผู้ป่วยให้มีความถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็วมากขึ้น
Photo by Glenn Carstens-Peters on Unsplash
จากเหตุการณ์ที่มีผู้ป่วยตกเตียงในขณะเคลื่อนย้าย ทำให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บป่วยรุนแรงขึ้น และนำมาซึ่งการเรียกร้องความรับผิดชอบจากโรงพยาบาล เหตุการณ์ในลักษณะนี้น่าจะสามารถป้องกันได้นระดับหนึ่ง โดยการปฏิบัติงานที่มีความรัดกุมมากขึ้น
Association of Surgical Technologists (AST) ในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้แนะนำแนวปฏิบัติที่ดีที่ช่วยลดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในขณะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยเตียง โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตรวจสอบสภาพของเตียงว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ขาเตียง ราวกั้น ล้อ เข็มขัดรัดผู้ป่วยสามารถล็อคได้จริง
เอาราวกั้นเตียงขึ้นทุกครั้ง ในขณะเคลื่อนย้าย
คาดเข็มขัดรัดผู้ป่วยกับเตียงให้เรียบร้อย
ตรวจสายน้ำเกลือ สายสวนปัสสาวะ สายระบาย (drain) และสายชนิดอื่นๆ ว่าวางถูกต้องและยึดติดกับตำแหน่งอย่างแน่นหนา ขวดเก็บของเสียและถุงปัสสาวะให้แขวนอยู่ห่างจากศีรษะผู้ป่วย
มั่นใจว่าศีรษะ แขน และขา ได้รับการปกป้องจากการถูกกระแทก โดยผู้ป่วยยังคงรู้สึกสบายตามสมควร
ในขณะเข็นเตียง ควรให้เท้าของผู้ป่วยนำไปข้างหน้า หลีกเลี่ยงการเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในช่วงเลี้ยว เพื่อป้องกันการตกเตียงและการทำให้ผู้ป่วยเวียนศีรษะ
ผู้เข็นเตียงควรอยู่ด้านศีรษะของผู้ป่วยเพื่อเฝ้าระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ ทั้งจากการที่ผู้ป่วยอาการทรุดลงขณะเคลื่อนย้าย หรือการมีสิ่งกีดขวางระหว่างทาง ถ้ามีผู้เข็นเตียง 2 คน คนที่สองควรอยู่ด้านเท้าผู้ป่วย
ไม่ใช้เตียงดันประตูห้องให้เปิด เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
กรณีใช้ลิฟต์ ควรล็อคประตูลิฟต์ขณะเข็นผู้ป่วยเข้าไป และควรนำศีรษะผู้ป่วยเข้าไปก่อน
มีการสื่อสารกับผู้ป่วยเป็นระยะ และคลุมผ้าให้ผู้ป่วยตลอดเวลา เพื่อป้องกันการเผยร่างกายส่วนต่างๆ ที่อาจสร้างความอับอายให้ผู้ป่วย
Photo by Hush Naidoo on Unsplash
มีหลายครั้งที่โรงพยาบาลสอบถามมาที่ สรพ. ถึงความหมายของคำบางคำที่ต้องบรรยายใน Hospital Profile 2018 แต่โรงพยาบาลไม่แน่ใจว่าคำเหล่านี้จะให้เขียนบรรยายใน Hospital Profile 2018อย่างไร ตารางข้างล่างน่าจะช่วยให้โรงพยาบาลเห็นภาพและสามารถบรรยายหัวข้อเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น
คำใน Hospital Profile 2018
ความหมาย
ตัวอย่าง
ลักษณะองค์กร(Organization Characteristic)
สิ่งที่เมื่อบรรยายแล้วทำให้เห็นภาพกว้างๆของโรงพยาบาลแห่งนั้น ข้อความที่ควรบรรยาย เช่น ขนาดโรงพยาบาล ต้นสังกัด ที่ตั้ง
โรงพยาบาลชุมชนขนาด 30 เตียง สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ตั้งอยู่ที่ภาคกลาง ห่างจากอำเภอเมือง 15 กิโลเมตร
บริการหลัก (core services)
บริการสำคัญที่มีการให้บริการตามขนาดและความเชี่ยวชาญของโรงพยาบาล
ให้การดูแลรักษาพยาบาลในระดับทุติยภูมิ และให้บริการงานส่งเสริมสุขภาพ ควบคุมป้องกันโรค ฟื้นฟูสภาพ และการจัดบริการด้านการแพทย์แผนไทยอย่างเป็นองค์รวม
สมรรถนะหลักขององค์กร (core competency)
เป็นสิ่งที่องค์กรมีความชำนาญมาก และเป็นสิ่งที่จะช่วยให้องค์กรทำงานบรรลุตามพันธกิจที่กำหนดไว้
- การบูรณาการการดูแลการแพทย์แผนปัจจุบันเข้ากับการแพทย์แผนไทย โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน
- การพัฒนาเจ้าหน้าที่ในด้านมิติจิตวิญญาณและประสานมิติด้านจิตวิญญาณเข้าไปในการดูแลผู้ป่วย
Photo by Ivars Krutainis on Unsplash
Hospital Profile คือสรุปข้อมูลสำคัญของโรงพยาบาล ซึ่งแสดงให้เห็นบริบทที่เป็นตัวกำหนดทิศทางการทำงานของโรงพยาบาล
Hospital Profile 2018 จัดทำบน Excel เพื่อช่วยรพ.ในการสรุปข้อมูลสำคัญอย่างกระชับ และตรวจสอบความสัมพันธ์ขององค์ประกอบต่างๆ เพื่อพิจารณาความสมบูรณ์และความเป็นเหตุเป็นผล. ใน file Excel แบ่งเป็น 6 sheets โดย
Sheet ที่ 1 Front page เป็น sheet ที่อธิบายวิธีการกรอกข้อมูลใน Excel
Sheet ที่ 2 Entry และ Sheet ที่ 3 Statistic เป็น sheet ที่ใช้กรอกข้อมูล โดยกรอกข้อมูลในเซลล์สีเหลืองเท่านั้น หลีกเลี่ยงการ insert หรือ delete cell เพราะอาจมีผลกระทบต่อ diagram ในsheet 4, 5, 6
Sheet ที่ 4 VMV & CC เป็น diagram แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง vision, mission,...
Control Chart เป็นเครื่องมือคุณภาพชิ้นหนึ่งที่มีประโยชน์ในการติดตามประเมินผลการดำเนินงาน โดยในการผลิตสินค้าและให้บริการ Control Chart จะช่วยให้ทีมงานสามารถดักจับปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนงานได้อย่างรวดเร็ว และเข้าไปแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงทีก่อนที่ปัญหาจะลุกลามและส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อองค์กร
สำหรับงานพัฒนาคุณภาพ Control Chart ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือเพื่อบ่งชี้ว่าการพัฒนากระบวนการงานที่นำมาใช้ได้ส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม หรือไม่
หลักการสำคัญของ Control Chart คือ การคำนวณหาค่าเฉลี่ยของตัวชี้วัดในช่วงที่ผ่านมาเพื่อสร้างเส้นกลาง และคำนวณค่า upper control limit (UCL) และ lower control limit (LCL) เพื่อใช้ในการติดตามค่าตัวชี้วัดในช่วงถัดไป ถ้าค่าตัวชี้ค่าที่กำลังติดตามอยู่มีลักษณะเข้ากับเกณฑ์ที่กำหนด ย่อมเป็นข้อบ่งชี้ว่า ค่าตัวชี้วัดกำลังมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจริง ไม่ใช่เป็นเพียงความแปรปรวนตามปกติของค่าที่วัดได้ เกณฑ์เหล่านี้ ได้แก่
An outsider คือ มีจุดใดจุดหนึ่งอยู่นอก control limit คือสูงกว่า UCL หรือต่ำกว่า LCL
A shift or a trend คือ มีจุด 7 จุดต่อเนื่องกันเหนือหรือใต้เส้นกลาง, หรือมีจุด 7 จุดต่อเนื่องกันที่มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน คือเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หรือลดลงต่อเนื่อง
An unusual...
ในแบบประเมินตนเองส่วน Clinical Tracer/ Clinical Quality Summary มีคำแนะนำว่า
“Purpose: แสดงเป้าหมายของการดูแลผู้ป่วยและอาจแสดง Driver Diagram ที่แสดงองค์ประกอบสำคัญในการให้บริการที่มีคุณภาพ”
Driver Diagram เป็นการแสดงวิธีคิดของทีมงานว่า ถ้าทีมงานต้องการบรรลุเป้าหมาย (aim) ในระดับผลลัพธ์ของเรื่องใดเรื่องหนึ่ง มีสิ่งใดที่ทีมงานคิดว่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก (primary driver) ที่ช่วยให้เกิดการบรรลุเป้าหมาย และมีสิ่งใดที่เป็นแรงขับเคลื่อนรอง (secondary driver) ที่ช่วยส่งเสริมให้มีแรงขับเคลื่อนหลักมากยิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อทีมงานเห็นความสัมพันธ์เหล่านี้ชัดเจนตรงกันแล้ว ทีมงานมีแนวคิดใหม่ๆ อะไรบ้างที่จะเริ่มทำ (change ideas) ซึ่งจะส่งผลในทางบวกต่อแรงขับเคลื่อนเหล่านี้
การเขียนผังก้างปลา (Fish-bone Diagram) ที่หลายคนคุ้นชิน จะเป็นการเขียนโดยเอาปัญหาเป็นตัวตั้ง แล้วแสดงสาเหตุหลักและสาเหตุรองที่ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าว ในขณะที่การเขียน Driver Diagram จะพลิกจากการเอาปัญหาเป็นตัวตั้ง มาเป็นการเอาเป้าหมายที่อยากได้เป็นตัวตั้ง แล้วแสดงแรงขับเคลื่อนหลักและแรงขับเคลื่อนรองที่ต้องสร้างขึ้น โดยใช้แนวคิดใหม่ เทคโนโลยีใหม่ หรือคนที่มีศักยภาพใหม่ มากระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของแรงขับเคลื่อนเหล่านี้
Photo by Daria Nepriakhina on Unsplash
หัวข้อในการเขียนแบบประเมินตนเองตอนที่ 1-3 ประกอบด้วย 1) ผลลัพธ์ของบทนั้น 2) บริบท 3) กระบวนการ 4) ผลการพัฒนาที่โดดเด่นและภาคภูมิใจ 5) แผนการพัฒนา สิ่งที่อยากขยายความในที่นี้ คือ หัวข้อ “กระบวนการ” ซึ่งหลายโรงพยาบาลยังเขียนส่วนนี้มายาวมาก เพราะนำงานปกติมาบรรยายทั้งหมด สิ่งที่ สรพ. แนะนำคือ ให้เขียนเฉพาะกระบวนการที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนา ซึ่งจะโยงไปสู่ผลลัพธ์ซึ่งแสดงไว้ในหัวข้อแรก การเขียนนั้น ให้อิงตามขั้นตอนในวงจรการพัฒนาคุณภาพ (Plan-Do-Check-Act) ที่เกิดขึ้นจริงในโรงพยาบาล ซึ่งในบางกิจกรรมการพัฒนา วงจรการพัฒนายังไม่ครบวง ก็ให้โรงพยาบาลเขียนไปตามเท่าที่ได้ทำไปถึง
ในส่วนการให้คะแนน หลักทั่วไปของการให้คะแนน เป็นดังนี้ คะแนน 1 คือ เริ่มต้นปฏิบัติ, คะแนน 2 คือ มีการปฏิบัติได้บางส่วน, คะแนน 3 คือ มีการปฏิบัติได้ครอบคลุมและได้ผล, คะแนน 4 คือ มีการปรับปรุงกระบวนการต่อเนื่อง, คะแนน 5 คือ มีกระบวนการที่เป็นแบบอย่างที่ดี
ในแบบประเมินตนเอง ตอนที่ 4 สถาบันได้แนะนำให้นำเสนอผลลัพธ์ย้อนหลังไป 5 ปี เพื่อให้เห็นแนวโน้มของผลลัพธ์ที่ชัดเจน...