วันอาทิตย์, เมษายน 27, 2025
การประเมินรับรองขั้นก้าวหน้า (Advanced HA หรือ AHA) เหมาะกับโรงพยาบาลที่ผ่านการรับรอง HA แล้ว และมีการพัฒนาคุณภาพและความปลอดภัยในทุกส่วนขององค์กร มีผลลัพธ์ในภาพรวมที่โดดเด่น และต้องการจะยกระดับการพัฒนาคุณภาพบริการสู่ความเป็นเลิศ           มาตรฐานสำหรับการประเมิน AHA เป็นมาตรฐานตัวเดียวกับที่ใช้ประเมิน HA แต่เครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนา และกระบวนการเยี่ยมสำรวจ จะมีความซับซ้อนมากขึ้น  นอกจากนี้ เกณฑ์ผ่านการประเมินรับรองก็จะยากขึ้น           เครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการพัฒนาคุณภาพสู่ AHA ได้แก่ Extended Evaluation Guide (EEG) Standard Chapter Framework Standard Detailed Process Flow Performance Evaluation Framework Strategic Line of Sight Control chart โรงพยาบาลที่จะผ่าน AHA จะมีคะแนนในแต่ละหมวดไม่ต่ำกว่า 3.0 ยกเว้นหมวดโรคและภัยสุขภาพ และหมวดการทำงานกับชุมชน คะแนนของหมวดไม่ต่ำกว่า 2.5  นอกจากนี้ ค่าเฉลี่ยของทุกหมวดต้องไม่ต่ำกว่า 3.0 (ถ้าเป็น HA คะแนนของแต่ละหมวดและคะแนนเฉลี่ย ไม่ต่ำกว่า 2.5) โรงพยาบาลที่ผ่านการประเมินรับรอง AHA แล้ว จะมีลักษณะสำคัญคือ - บทบาทหลักของการขับเคลื่อนงานพัฒนาคุณภาพจะขยับจากทีมงานระดับกลาง  (เช่น...
  ณ 30 กันยายน 2561 โรงพยาบาลในประเทศไทยผ่านการรับรองกระบวนการคุณภาพ HA 794 แห่ง คิดเป็น 57.37% ของโรงพยาบาลทั่วประเทศ ดังนั้น จึงมีโรงพยาบาลจำนวนหนึ่งที่ต่ออายุการรับรองมาแล้วหลายครั้งที่ต้องการเป้าหมายการพัฒนาที่ท้าทายมากยิ่งขึ้น สรพ.จึงได้มีการพัฒนาโปรแกรมการเยี่ยมสำรวจที่มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อรองรับการพัฒนาโรงพยาบาลที่มีความแตกต่างกันไปตามบริบท การประเมินรับรองที่ต่อยอดจากการรับรอง HA ปกติ ได้แก่ การพัฒนาที่มุ่งเป้าสู่ความเป็นเลิศ (excellence)           1.1 การประเมินรับรองขั้นก้าวหน้า (Advanced HA) เหมาะกับโรงพยาบาลที่สามารถพัฒนาคุณภาพและความปลอดภัยของทั้งองค์กรได้อย่างเป็นเอกภาพ สามารถแสดงผลลัพธ์ในภาพรวมที่โดดเด่น และต้องการจะยกระดับการพัฒนาคุณภาพบริการสู่ความเป็นเลิศ           1.2 การประเมินรับรองเฉพาะโรค (Disease Specific Certification) เหมาะกับโรงพยาบาลที่สามารถพัฒนาการดูแลโรคบางโรคได้อย่างโดดเด่น และต้องการเน้นการมีส่วนร่วมของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางของโรคนั้น ในการพัฒนาคุณภาพและความปลอดภัยสู่ระดับที่เป็นเลิศ           1.3 การประเมินรับรองในมิติด้านจิตวิญญาณ (Spiritual Healthcare Appreciation & Accreditation (SHA) เหมาะกับโรงพยาบาลที่มุ่งเน้นการเพิ่มคุณค่าให้กับบริการสุขภาพ และสร้างความสุขจากการทำงานในหมู่เจ้าหน้าที่ การพัฒนาที่มุ่งเป้าสู่บริการที่ไร้รอยต่อ (seamless) เป็นการรับรองที่ขยายจากการรับรองโรงพยาบาลเป็นรายแห่ง สู่การรับรองเครือข่ายบริการสุขภาพภายในพื้นที่           2.1 การประเมินรับรองเครือข่ายบริการสุขภาพระดับจังหวัด (Provincial Healthcare Network Certification)...
สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) ได้ร่วมกับกรุงเทพมหานครในการจัดทำมาตรฐานศูนย์บริการสาธารณสุขขึ้นตั้งแต่ปี 2556 เพื่อใช้ประเมินรับรองหน่วยบริการสุขภาพประเภทที่ไม่ได้รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน โดยมีแนวคิดสำคัญคือ การส่งเสริมให้ศูนย์บริการสาธารณสุขจัดบริการแบบองค์รวม ผสมผสานบริการทั้งในด้านการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสภาพ ไปพร้อมกัน และสนับสนุนการพึ่งตนเองของประชาชน ซึ่งกระบวนการดำเนินงานต้องคำนึงถึงมิติด้านจิตใจ สังคม และสภาพแวดล้อมของประชาชนหรือผู้รับบริการไปพร้อมกัน สรพ. ได้นำมาตรฐานฉบับนี้มาใช้ประเมินรับรองศูนย์บริการสาธารณสุขของกรุงเทพมหานครอย่างต่อเนื่อง ณ 30 พฤศจิกายน 2561 มีศูนย์บริการสาธารณสุขของกรุงเทพมหานครจำนวน 13 แห่ง จากจำนวนทั้งหมด 68 แห่ง ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานศูนย์บริการสาธารณสุขแล้ว คือ ศูนย์ที่ 6, 16, 21, 24, 39, 41, 45, 47, 52, 56, 61, 67 และ 68 มาตรฐานฉบับนี้ยังเหมาะกับหน่วยบริการปฐมภูมิอื่นที่มีแพทย์ประจำ เช่น ศูนย์บริการสาธารณสุขที่ตั้งโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ หน่วยที่เป็น Primary Care...
เหตุการณ์ 13 หมูป่าติดถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนถือเป็น Mission Impossible ที่เกิดขึ้นจริงในประเทศของเรา และมีแง่มุมมากมายที่น่าศึกษา ถอดบทเรียน และนำมาสู่การเตรียมการเพื่อเผชิญหน้ากับภัยพิบัติในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ         ในแง่มุมของบริการสุขภาพ ทีมงานด้านการรักษาพยาบาลได้ทำงานอย่างยอดเยี่ยมในแบบมืออาชีพ สิ่งเหล่านี้โยงกับมาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพฉบับที่ 4 ในหลายจุด และน่าจะทำให้ทีมงานของโรงพยาบาลนึกภาพของการนำมาตรฐานลงสู่การปฏิบัติได้ง่ายขึ้น มาตรฐานฉบับที่ 4 เหตุการณ์ที่ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน การเข้าถึงและเข้ารับบริการ มีการประสานงานที่ดีระหว่างองค์กรกับหน่วยงานที่ส่งผู้ป่วยมา เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการส่งต่อในระยะเวลาที่เหมาะสมและปลอดภัย. การดูแลปฐมพยาบาลและการลำเลียง 13 หมูป่ามายังโรงพยาบาล ประสิทธิผลของการปฏิบัติการ องค์กรทำให้มั่นใจว่ามีการเตรียมพร้อมของระบบงานและสถานที่ทำงานต่อภัยพิบัติหรือภาวะฉุกเฉิน โดยคำนึงถึงการป้องกัน การบริหารจัดการ ความต่อเนื่องของการให้บริการ การเคลื่อนย้าย การทำให้ฟื้นคืนสู่สภาพเดิม รวมถึงการพึ่งพากำลังคน ผู้ส่งมอบ และพันธมิตร. องค์กรทำให้มั่นใจว่าระบบสารสนเทศมีความมั่นคงปลอดภัยและพร้อมใช้อย่างต่อเนื่อง. การเตรียมความพร้อมของทีมแพทย์และพยาบาลในการรับ 13 หมูป่ามาดูแลรักษาที่โรงพยาบาล การจัดการความรู้และสารสนเทศ องค์กรทำให้มั่นใจในความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูล/สารสนเทศที่ถ้ารั่วไหลแล้วจะเกิดผลกระทบได้มาก ระบบบริหารเวชระเบียน องค์กรกำหนดนโยบายและระเบียบปฏิบัติที่จำเป็นเพื่อรักษาความลับของข้อมูลและสารสนเทศของผู้ป่วยในเวชระเบียน การเรียกขานชื่อผู้ป่วยโดยใช้รหัส “หมูป่า” และการกำชับมิให้มีการเปิดเผยชื่อหรือรูปถ่ายของหมูป่าแต่ละคนในระหว่างการลำเลียงและการรับเข้าสู่หอผู้ป่วยในที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ อาหารและโภชนบำบัด ผู้ป่วยได้รับอาหารที่เหมาะสม มีคุณค่าทางโภชนาการเพียงพอกับความต้องการพื้นฐานของผู้ป่วย โดยมี ระบบบริการอาหารที่ดี. มีการวิเคราะห์ความเสี่ยงงที่อาจเกิดขึ้นจากการให้บริการอาหารและโภชนาการ ตลอดจนมีการดำเนินมาตรการป้องกันที่เหมาะสม. มีการวิเคราะห์ความเสี่ยงของหมูป่าที่อดอาหารมาเป็นเวลาหลายวัน และนำมาสู่การวางแผนการให้อาหารแก่หมูป่าอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อลดความเสี่ยงจากการให้อาหาร Designed by Paymphotography
  มาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ ฉบับที่ 4 ได้รับการรับรองจาก The International Society for Quality in Health Care (ISQua) ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2561 การรับรองครั้งนี้ เป็นการต่ออายุการรับรองมาตรฐานที่ สรพ. ใช้ในการประเมินรับรองโรงพยาบาล ซึ่งได้รับการรับรองจาก ISQua มาตั้งแต่ปี 2553 และ 2557 ตามลำดับ มาตรฐานฉบับที่ 4 ได้นำมาใช้ในการประเมินรับรองโรงพยาบาลเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2561 เป็นต้นไป มาตรฐานฉบับที่ 4 มีเนื้อหาสาระที่เพิ่มเติมจากมาตรฐานฉบับที่ 3 อยู่หลายประเด็น ที่สำคัญ ได้แก่ การกำกับดูแลทางคลินิก (clinical governance) ประเด็นทางจริยธรรมที่ยากลำบากในการตัดสินใจ (ethical dilemma) ความปลอดภัยของระบบสารสนเทศ (cyber security) การจัดการการเรียนการสอนทางคลินิก (clinical education) กรอบการจัดการความเสี่ยง ทะเบียนความเสี่ยง (risk register) แนวทางการนำอุปกรณ์แบบใช้ครั้งเดียวกลับมาใช้ซ้ำ การใช้ยาอย่างสมเหตุผล (rational drug use) สมรรถนะและความปลอดภัยของรถพยาบาล      การปรับปรุงมาตรฐานส่งผลให้ต้องมีการปรับปรุงคู่มือของมาตรฐาน แบบประเมินตนเอง และวิธีการให้คะแนนในแต่ละข้อ ซึ่ง...
คุณค่า คุณภาพ คุณธรรม พระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ทรงประทานไว้ เมื่อวันจันทร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ.2525 ความว่า  “.....การจะทำงานให้สัมฤทธิ์ผลที่พึงปรารถนา คือให้เป็นประโยชน์และเป็นธรรมด้วยนั้น จะอาศัยความรู้แต่เพียงอย่างเดียวมิได้ จำเป็นต้องอาศัยความสุจริต ความบริสุทธิ์ใจ และความถูกต้องเป็นธรรม ประกอบด้วย เพราะเหตุว่าความรู้นั้น เสมือนเครื่องยนต์ที่ทำให้ยวดยานเคลื่อนที่ไปได้ประการเดียว ส่วนคุณธรรมดังกล่าวแล้ว เป็นเสมือนหนึ่งพวงมาลัยหรือหางเสือ ซึ่งเป็นปัจจัยที่นำทางให้ยวดยานดำเนินไปถูกทางด้วยความสวัสดี คือ ปลอดภัย บรรลุจุดประสงค์..” “คุณค่า คุณภาพ คุณธรรม” ได้พิสูจน์ไห้เห็นเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกท่าน ในการประชุมครั้งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย เห็นได้จากการบรรยายในแต่ละห้อง  รวมทั้งในห้องนิทรรศการ ในเวที mini-stage ที่เนืองแน่นด้วยผู้เข้าร่วมประชุม สะท้อนให้เห็นว่า คุณค่า คุณภาพ คุณธรรม เป็นแนวทางในการทำงานพัฒนาคุณภาพของโรงพยาบาลให้เกิดสัมฤทธิ์ผลโดยเจ้าหน้าที่มีความสุข และ ได้เรียนรู้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง และ เป็นปัจจัยที่ชี้วัดความสำเร็จในระยะยาว  มีหลายเสียงสะท้อนที่ชื่นชม ให้คำข้อเสนอแนะ /คำแนะนำ ให้กำลังใจ สิ่งที่ทุกท่านได้แสดงออกมาในทุกรูปแบบ เป็นการตอบรับ ที่ส่งจากใจผู้ส่งอย่างวิทยากร ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สิ่งนั่นแหละเป็นขุมพลังที่ยิ่งใหญ่ สะท้อนกลับมาให้กับทีมวิทยากร ผู้ทรงคุณวุฒิ...
  ในยุค Thailand 4.0 ที่จะมีการขับเคลื่อนประเทศด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ การขับเคลื่อนดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อระบบสุขภาพเป็นอย่างมาก เราจึงต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอย่างรู้เท่าทัน รวมทั้งต้องกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของทีมงานโรงพยาบาลเพื่อให้เกิดนวัตกรรมของการจัดการ กระบวนงาน และสิ่งประดิษฐ์ และทำงานเชื่อมโยงประสานกันเป็นเครือข่ายเพื่อรองรับงานบริการสุขภาพที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้คนในสังคมได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว ทำให้ต้องมีการพัฒนาระบบที่จะช่วยดูแลสุขภาพผู้สูงอายุทั้งในลักษณะ long term care และ home care ซึ่งการพัฒนาเหล่านี้ต้องอาศัยนวัตกรรม และความร่วมมือของภาคีเครือข่าย เพื่อการบรรลุเป้าหมายคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุที่ดีขึ้น การบริหารการเปลี่ยนแปลงและการทำงานในลักษณะเครือข่าย เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนจึงเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนงานคุณภาพในยุค 4.0 ....... ด้วยรักและผูกพัน พบกันอีกครั้งใน 20th HA National Forum ภายใต้ theme “Change & Collaboration for Sustainability” กิตตินันท์ อนรรฆมณี ผู้อำนวยการสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล   บทส่งท้าย…คุณค่า คุณภาพ คุณธรรม 
การบริบาลเพื่อคุณภาพชีวิตระยะท้าย (Hospice care) เป็น “การให้การดูแลรักษาแบบประคับประคอง (Palliative care) แก่ผู้ป่วยในระยะท้ายของชีวิตโดยทีมสหสาขาวิชาชีพในสถานที่และสิ่งแวดล้อมที่มีการจัดไว้อย่างเหมาะสมด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อบรรเทาความทุกข์ทรมานและสร้างเสริมคุณภาพชีวิตทางสุขภาพของผู้ป่วยและครอบครัวครอบคลุมช่วงระยะท้ายของชีวิต (Terminal phase) รวมถึงในช่วงเวลาระยะแรกภายหลังการเสียชีวิตของผู้ป่วย (Bereavement phase)” กรอบแนวคิดของการบริบาลเพื่อคุณภาพชีวิตระยะท้ายในบริบทของระบบการดูแลสุขภาพของไทย   การดูแลผู้ป่วยระยะท้าย สิ่งสำคัญคือการค้นหาความต้องการที่แท้จริงของผู้ป่วยระยะท้าย ถึงแม้ว่าการพูดคุยจะเป็นวิธีการที่เป็นธรรมชาติ แต่บางครั้งผู้ป่วยก็ไม่พร้อมที่จะพูด วิธีที่น่าสนใจในการนำมาใช้ค้นหาความต้องการดังกล่าว คือการ “คุยผ่านภาพ” ที่เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยระลึกถึงเรื่องราวในอดีตและบอกเล่าความต้องการที่แท้จริงได้ และทำให้ผู้ป่วยพร้อมเตรียมพร้อมที่จะจากไป ประเด็นสำคัญในการดูแลผู้ป่วย end of life ให้บรรลุเป้าหมาย คือ 1) ในการดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาล ประกอบด้วย (1) เราต้องมองเห็นภาพตั้งแต่การวางแผนการรักษา (2) มีการประเมินความพร้อมของญาติหรือผู้ดูแล และ (3) ให้การสนับสนุนในเรื่องต่างๆ เช่น ยา เครื่องมือแพทย์และอุปกรณที่จำเป็น ช่องทางติดต่อ ช่องทางเร่งด่วน ค่าตอบแทนผู้ดูแล 2) ระบบการส่งต่อที่สำคัญ เช่น ระบบส่งต่อข้อมูล การส่งตัวผู้ป่วย และระบบการส่งข้อมูลกลับ เป็นต้น 3) บ้าน ครอบครัว และชุมชน มีองค์ประกอบสำคัญ คือ (1) มาตรฐานการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน (2) ระบบการติดตามผู้ป่วยและผู้ดูแล (3) การเข้าถึงและการนำยาไปใช้ที่บ้าน (4) การจัดการวัสดุ...
ผศ.นพ.กำธร มาลาธรรม (รามาฯ), ดร.พิริยาภรณ์ จงตระกูล (ศิริราชฯ), ภก.รศ.ดร.วิชัย สันติมาลีวรกุล (ม.ศิลปากร), พญ.เพชรดี โอฬารริกสุภัค (รพ.น่าน)   เวลาพูดถึงเชื้อดื้อยา ทุกคนก็จะนึกถึง Infectious control หรือไม่ก็ RDU แต่ในความเป็นจริงแล้วการจัดการเชื้อดื้อยาต้องอาศัยความร่วมมือในหลายๆ วิชาชีพ เพราะกระบวนการดื้อยาของเชื้อเกี่ยวข้องกับแพทย์ผู้สั่งใช้ สิ่งแวดล้อม และบุคลากรการแพทย์อื่นๆที่สัมผัสเชื้อ ดังนั้น ปัจจัยความสำเร็จในการป้องกันเชื้อดื้อยา ต้องอาศัยการสนับสนุนจากผู้บริหาร ความร่วมมือในหลาย ๆ วิชาชีพ และการตรวจจับ ติดตามสถานการณ์เชื้อดื้อยา   เชื้อที่พบว่าควบคุมการดื้อยามากที่สุดคือ CRE แต่ควบคุมยากไม่ได้หมายความว่าควบคุมไม่ได้ ซึ่งตัวอย่างหนึ่งที่เห็นผลคือ ป้องกันโดยทำ Stewardship, Contact precaution, Standard precaution จาก Hand hygiene พบว่าหากทำอย่างจริงจัง แค่ 60% ก็เริ่มเห็นผล รวมถึงให้ความรู้แก่บุคลากรก็มีความสำคัญ   ส่วนของห้องปฏิบัติการ ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมเชื้อดื้อยา ประกอบด้วย กระบวนการการเก็บสิ่งส่งตรวจ  หลักสำคัญคือ ต้อง Rapid detection ใช้เวลาน้อยกว่า 3 ชม แต่ความเป็นจริง ณ...
- Advertisement -

MOST POPULAR

HOT NEWS