Value Based Healthcare
ที่มีคุณค่ามากกว่าต้นทุนทางธุรกิจ คือ
รูปธรรมของการนำความต้องการที่แท้จริง
ของผู้ป่วย/ ครอบครัว กำหนดเป็นเป้าหมายร่วม
สร้างความร่วมมือเป็นไปตามมาตรฐานของทีม
สหสาขาวิชาชีพ มุ่งสู่คุณภาพชีวิตที่ดี
อย่างแท้จริง
การนำหลักคิด Value Based Healthcare (VBHC) มาใช้เพื่อให้มีบริการสุขภาพ เน้นคุณค่าในมุมมองของผู้ป่วยหรือผู้รับบริการ เกิดโครงการ Mission to the Moon เป้าหมาย เพื่อให้ผู้รับบริการมีสุขภาพแข็งแรงและอายุยืนยาวมากกว่า 85 ปี ด้วยการกำหนดโครงสร้างองค์กร Integrated Patient Units: IPUs To Center of Excellence: Heart, Neuro ที่มีการนำกลยุทธ์สู่การปฏิบัติโดยใช้ Care cycle model เพื่อให้เกิด customer experience excellence ด้วยเพิ่มมุมมองของผู้ป่วย/ ผู้รับบริการ และ Better Health Outcome ที่เห็นบทบาทของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พัฒนา สนับสนุน Nurse Coordinator ให้มีมุมมองและทักษะ ความรู้เฉพาะโรค เป็นผู้เชื่อมประสาน/ ขับเคลื่อนการดูแลทางคลินิก ด้วยการให้ความรู้ในการป้องกันโรค การคัดกรองเบื้องต้นในผู้ป่วยที่ยังไม่เกิดโรค และดูแลผู้ป่วยที่เกิดโรคให้ได้รับการดูแล ฟื้นฟู มีสุขภาพที่แข็งแรง มีคุณภาพชีวิตที่ดี และการติดตามวัดผลลัพธ์ที่รายงานโดยผู้ป่วย (Patient Reported Outcome Measures) ที่มีการเชื่อมประสานระหว่างทีมสหสาขาวิชาชีพ ผู้ป่วยและญาติ
การสร้างเครือข่ายเป็นอีกกลยุทธหนึ่งของ Value base health care เพื่อให้เกิดเป็น Through network one pathway โรงพยาบาลเพิ่มเครือข่ายการส่งต่อผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในระยะ Acute ให้สามารถเข้าถึงบริการรักษาผู้ป่วยหลอดสมองอุดตันด้วยวิธีสวนลากลิ่มเลือดครอบคลุมเขตสุขภาพที่ 6 จำนวน 18 โรงพยาบาล จากเดิมประสานผ่าน Supervisor พบปัญหาการส่งต่อข้อมูลเพื่อให้แพทย์พิจารณาส่งต่อผู้ป่วยมาทำหัตถการและการส่งต่อผู้ป่วยล่าช้ามากกว่า 2.5 ชั่วโมง จึงมีการพัฒนาระบบ Tele consult ผ่าน Application และมีการประชุมร่วมกันสะท้อนข้อมูล กำหนดเป้าหมายเวลาส่งต่อภายใน 120 นาที ส่งผลให้การส่งต่อข้อมูลรวดเร็ว แพทย์พิจารณาและตัดสินใจได้ภายใน 5 นาที รวมถึงระยะเวลาการส่งต่อผู้ป่วยได้เร็วขึ้น
การพัฒนาการเข้าถึงบริการในกลุ่มผ่าตัดหัวใจ มีการออกแบบเครือข่ายในการดูแลผู้ป่วย Chronic case จากเดิมจะเสียชีวิตก่อนเนื่องจากการรอคิวผ่าตัดนาน ทีม CoE Heart ร่วมมือ สปสช.เขต 6 ออกแบบ Elective Work flow การสื่อสารประสานทีมสหสาขาวิชาชีพ ผ่านการออกแบบด้วย MS 365: ERAS Power App ในการเก็บข้อมูล กำหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัด วิเคราะห์ สู่การปรับกระบวนการดูแลอย่างมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน, จัดทำเอกสารแบบ check list ในการเตรียมความพร้อมผู้ป่วยก่อนผ่าตัดโดยโรงพยาบาลต้นสังกัด ส่งผลให้ผู้ป่วยลด
การเดินทาง ลดระยะเวลารอคอยการผ่าตัดเหลือ 2 สัปดาห์ อุบัติการณ์เลื่อนผ่าตัดเหลือ 2.9 % มีผลลัพธ์ที่ดีตามเป้าหมาย
นำเสนอแนวทางการปรับกระบวนการทำงาน คือ
1) ทีมการผ่าตัดหัวใจ ในรูปแบบของ ERAS โปรแกรม ซึ่งทีมแพทย์ นักกายภาพบำบัดและสหสาขาวิชาชีพที่เกี่ยวข้องร่วมกันตั้งเป้าหมาย เน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง (No pain – Sleep well – Eat enough – Early ambulation – Good relationship) มีการใช้ความรู้เฉพาะทางกำหนดประเด็นสำคัญ สื่อสารนำลงปฏิบัติในทิศทางเดียวกัน ทำให้ผลลัพธ์เบื้องต้นผู้ป่วยกลับบ้านได้เร็วและมีประสิทธิภาพ
2) ทีม Neuro การใช้ IT Alert massage รายใหม่ นักกายภาพบำบัดสามารถเข้าดูและผู้ป่วยได้ไวขึ้น เริ่มตั้งแต่การเคลื่อนไหวบนเตียงจนกระทั่งนั่ง ยืน และเดินได้ในที่สุด รวมทั้งให้ญาติมีส่วนร่วมในการฝึกเดินด้วยอุปกรณ์ช่วยเดินหรือการเคลื่อนย้ายนั่งรถเข็นและสหสาขาวิชาชีพอื่นๆ ร่วมกันดูแลเรื่อง cognitive, การกลืน, การรับประทานยาที่ถูกต้อง ครบถ้วน, การสอนทำอาหารปั่น, ประเมินสภาพบ้านและการปรับสิ่งแวดล้อมที่บ้านก่อนกลับบ้าน
3) พยาบาลประสานงาน (Nurse Coordinator) ติดตามหลังจากหลังจำหน่าย ทั้งผลลัพธ์ของการดูแลรักษา
ภาวะแทรกซ้อน และคุณภาพชีวิตตามสภาพของผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง ส่วนผู้ป่วยที่ผ่าตัดหัวใจ ติดตามการกลับไปทำงานได้ตั้งแต่ 1- 3 เดือนหลังผ่าตัดขึ้นกับลักษณะงานและระดับคุณภาพชีวิตเฉลี่ยหลังผ่าตัด ผลลัพธ์ใกล้เคียงคะแนนเต็ม 1 แสดงว่าคนไข้มีคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งกายและใจ (perfect health) กระตุ้นให้ผู้ป่วยมีอายุที่ยืนยาวต่อไป
ภาพรวมของปัญหา อุปสรรค ความท้าทาย คือ ความไม่เข้าใจ ความไม่ไว้ใจ ความยุ่งยากในการประสานงาน
การยอมรับการเปลี่ยนแปลง นำมาปรับเปลี่ยนกระบวนการคิดและการทำงานของทีมได้ โดยใช้กำหนดผลลัพธ์เชิงประสิทธิภาพ 5 วันของการนอนโรงพยาบาลว่าทำได้จริง การประสานงาน้ชื่อมโยงด้วยกำหนดเป้าหมายร่วมกับ Protocol ตามมาตรฐานวิชาชีพ รวมทั้งมีเวทีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเพิ่มความถี่ในการติดตามดูแลอย่างใส่ใจในความต้องการของผู้ป่วย / ครอบครัว
KSF ปัจจัยสู่ความสำเร็จ คือ 1) ความชัดเจนของนโยบาย การสนับสนุนทรัพยากร 2) กำหนดเป้าหมายร่วมกัน เพื่อให้อายุยืนยาว 3) การเห็นประโยชน์ส่วนรวม ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง รางวัลความภาคภูมิใจ คือเห็นผู้ป่วยกลับบ้านได้ 4) การสื่อสาร คุยกันมากขึ้น กล้าเล่าปัญหา การใช้ความเชี่ยวชาญของแต่ละวิชาชีพ/ เชื่อใจในการทำงานเป็นทีม ทำให้เกิดผลลัพธ์ดี
ผนึกพลังสร้างสรรค์สุขภาพดี มีชีวิตยืนยาว
The Power of Unity leads
to Quality of Life
ผู้ถอดบทเรียน นางสาวมธุรส ภาสน์พิพัฒน์กุล
นักวิชาการผู้เยี่ยมสำรวจ สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน)